วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ดวงตาของคนเราเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เป็นสิ่งที่คุณและทุกๆ คนจะต้องรู้

วันนี้ Healthofproduct ก็ได้กลับมาอีกครั้งหลังจากห่างหายไปหลาย
วันพอควร เรื่องที่จะมาเอ่ยถึงในวันนี้ก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับ
ดวงตาเช่นเคย เพราะครั้งก่อนเราได้รู้เรื่องโรคที่เกี่ยวกับดวงตา
แต่ตอนนี้ เรามาทำความรู้จักกับดวงตาที่สำคัญต่อการมองเห็นของ
เรากนดีกว่า




คุณรู้หรือไม่ ?

     ดวงตาของคนเรามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เป็นอวยวะที่ช่วยในการมองเห็นและรับรู้ภาพต่างๆ 
เป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสที่สำคัญของร่างกาย เราจึงใช้สายตาในการใช้ชีวิตประจำตลอดเวลายกเว้น
ขณะหลับ ไม่ว่าจะเป็นการมอง การแปลผลสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเรา การป้องกันตัวเองให้ปลอดภัย ตลอด
จนช่วยในด้านการเรียน การอ่านหนังสือ ดูทีวี และทำกิจกรรมอื่นๆ ในบางครั้งดวงตายังเป็นหน้าต่าง
ของหัวใจของใครหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ หากดวงตาของเราไม่สามารถมองเห็นหรือเกิดปัญหาขึ้น
กับดวงตาของเราแล้ว คงเห็นแต่โลกที่มืดมิด ขาดสีสัน ขาดการรับรู้ที่สำคัญของมนุษย์เราไป
ทำให้ต้องใช้จินตนาการร่วมกับประสาทสัมผัสอื่นๆ ในการสร้างภาพประกอบสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา
ดังนั้นดวงตาของเราจึงมีความสำคัญต่อีวิตของเราอย่างยิ่ง เราจึงควรเรียนรู้ส่วนประกอบหลักของ
ดวงตาที่ช่วยในการมองเห็นว่ามีหน้าที่อย่างไรบ้าง





Credit ภาพ โดย www.google.co.th



นัยน์ตาขาว (Sclera)

     เป็นส่วนสีขาวของลูกตา ทำหน้าที่ป้องกันอันตรายต่อลูกตาช่วยให้เกิดความแข็งแรงและเป็น
โครงสร้างของลูกตา


เลนส์แก้วตา (Lens)

     เลนส์แก้วตาเป็นส่วนใสๆ อยู่หลังม่านตา หน้าที่ของเลนส์แก้วตาคือช่วยโฟกัสเพื่อการมองเห็น
ที่ชัดเจนมากขึ้นในการอ่าน หรือการมองระยะใกล้โดยการปรับรูปร่างของเลนส์ให้เหมาะสม


กระจกตา (Cornea)

     กระจกตามีลักษณะเป็นเยื่อบางใส รูปทรงคล้ายหน้าต่างรูปโดมที่คลอบคลุมอยู่ด้านหน้าของลูกตา
มีพื้นผิวที่ทำหน้าที่หักเหแสงท่ผ่านเข้าไปในลูกตาทำให้ดวงตามีกำลังที่จะโฟกัสได้มากถึง 2/3 เท่า


ช่องหน้าลูกตา (Anterior chamber)

     ซึ่งมีน้ำไหลเวียนอยู่ และป้องกันการติดกันระหว่างเลนส์ตา (lens) และกระจกตา (cornea) อยู่
ระหว่างด้านหลังของตาดำและด้านหน้าของม่านตาและเลนส์ตา


ม่านตา (Iris)

     ม่านตาเป็นส่วนที่เป็นสีของนัยน์ตา ซึ่งอาจมีสีดำ สีน้ำตาลหรือสีฟ้าตามเชื้อชาติ ม่านตาทำหน้าที่
เปรียบเสมือนรูรับแสงของกล้องถ่ายภาพ คือช่วยควบคุมขนาดของรูม่านตา โดยการหดตัวหรือขยายตัว
ของกล้ามเนื้อม่านตา เพื่อให้ปริมาณแสงที่ผ่านเข้าไปสู่เลนส์ตาจะอยู่ในระดับพอเหมาะ โดยปกติรูม่าน
ตาจะขยายเมื่ออยู่ในที่สว่าง เพื่อปรับแสงที่เข้าสู่ดวงตาให้เหมาะสมกับการมองเห็น และไม่เป็น
อันตรายต่อจอประสาทตา


รูม่านตา (Pupil) 

     รูม่านตา คือ สีดำของนัยน์ตา อยู่ตรงกลางดวงตามีหน้าที่ควบคุมปริมาณแสงที่ผ่านเข้าสู่ลูกตา
เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้ารูม่านตาจะหดทำให้แสงเข้าตาได้น้อยลง ส่วนในที่มืดรูม่านตา
จะขยายเพื่อให้แสงเข้าตาได้มากขึ้น 


วุ้นลูกตา (Vitreous)

     วุ้นลูกตามีลักษณะคล้ายเจลอยู่ด้านในช่องหลังลูกตาเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญของตาใน
การช่วยรักษาและทำให้ตาคงรูปร่างปกติโดยมีน้ำเป็นองค์ประกอบประมาณ 2 ใน 3 ของปริมาณน้ำ
ในดวงตา


คอรอยด์ (Choroid)

     คอรอยด์เป็นชั้นที่แทรกอยู่ระหว่างจอประสาทตาและนัยน์ตาขาว ด้านหลังประกอบด้วยเส้นเลือด
จำนวนมาก เพื่อหล่อเลี้ยงจอประสาทตา 


จอประสาทตา (Retina)

     จอประสาทตาเป็นชั้นบางๆ ของเซลล์รับภาพที่อยู่ด้านหลังของดวงตา เป็นอวัยวะที่สำคัญ
ประกอบด้วยเส้นประสาทตาที่มีความละเอียดสูงอยู่ในผนังชั้นในของลูกตา ทำหน้าที่คล้ายกับฟิลม์
ถ่ายรูปโดยจะทำหน้าที่ในการรับแสงส่งสัญญาณภาพที่ได้ผ่านไปทางเส้นประสาทตาสู่สมองเพื่อ
แปลสัญญาณเป็นภาพที่เรามองเห็นทำให้เรารับรู้ว่าเป็ฯภาพอะไร


เส้นประสาทตา (Optic Nerve)

     เส้นประสาทตาอยู่ทางด้านหลังของลูกตา ทำหน้าที่เป็นตัวส่งผ่านการกระตุ้นของการมองเห็นจาก
จอประสาทตามายังสมอง เพื่อแปลผลภาพที่เรามองเห็น





Credit ภาพ โดย www.google.co.th




เราจะเห็นได้ว่าทุกองค์ประกอบของดวงตามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการมองเห็น ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า
จนกระทั่งเข้านอน เราใช้สายตาอยู่ตลอดเวลา และมีการใช้สายตาเพิ่มมากขึ้น ในปัจจุบันนี้เนื่องจาก
จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ไอทีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ต้องข้องเกี่ยวกับโลก
ของโซเชียล ออนไลน์ ดูจอคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน โทรทัศน์ เพิ่มมากขึ้น เมื่อใช้สายตา
มากขึ้นเกินกว่าที่ดวงตาของเราจะรับไหว จึงเกิดโรค CVS (Computer Vision Syndrome) กันมาก
ทำให้เกิดอาการ ปวดตา เมื่อยตา ตามัว มองเห็นภาพซ้อน ตาแห้ง แสบตา แม้ว่าเราจะทราบวิธีป้องกัน
โรค CVS จากการปรับเปลี่ยนวิธีและสร้างนิสัยในการดูแลถนอมดวงตา เช่น ไม่ใช้สายตามากเกินไป
ในการเพ่งมองจอคอมพิวเตอร์ แต่ถ้าไม่มีวินัยที่ดีพอในการดูแลในการป้องกันก็หลีกเลี่ยงโรค CVS
ได้ยากเช่นกัน ด้วยเหตุนี้นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยระดับโลกจึงพยายามค้นคว้าและวิจัยอย่างต่อเนื่อง
เพื่อค้นหาสารสำคัญที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของดวงตาเรา ในที่สุดก็ค้นพบ
สารประกอบและผลไม้จากธรรมชาติหลากหลายชนิดที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่ามีประโยชน์
ในการบำรุงดวงตาช่วยให้ดวงตาของเรามีประสิทธิภาพในการมองเห็นได้ดีขึ้น มีดังต่อไปนี้




Lutein and Zeaxanthin (ลูทีน และ ซีแซนทีน)



Credit ภาพ โดย www.google.co.th


     เป็นสารธรรมชาติจัดอยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ มีมากในผัก ผลไม้ที่มีสีเหลืองและสีเขียวเข้ม 
เช่น ข้าวโพด ผักกาด ผักปวยเล้ง คะน้า ผักโขม ทั้งลูทีนและซีแซนทีน มีคุณสมบัติเป็นสารต้าน
อนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงในโรคที่เกิดจากการมีสารอนุมูลอิสระสูงได้ เมื่อตาได้รับแสง
มากเกินไปจะก่อให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระในกระจกตาและจอตาได้ ทำให้เกิดออกซิเดชั่นของโปรตีน
และไขมันในเลนส์ตา ทำให้เลนส์ตาเสื่อมลงก่อให้เกิดโรคต้อกระจกตามมา จึงเป็นเหตุผลที่ชัดเจนว่า
ทำไมสารลูทีนและซีแซนทีน จึงสามารถลดความเสี่ยงของโรคต้อกระจกและโรคของจอตา หรือที่
เรียกว่าโรคจอรับภาพเสื่อมมีการวิจัยวัดระดับของลูทีนและซีแซนทีนในกระแสเลือดพบว่า การมีระดับ
ของลูทีนและซีแซนทีนในกระแสเลือดสูงจะมีเลนส์ตาที่ใสกว่า มีความสามารถในการมองเห็นดีกว่า
และจอรับภาพสามารถรับภาพได้ชัดกว่า ดังนั้นลูทีนและซีแซนทีนจึงช่วยบำรุงสายตา เหมาะกับผู้ใช้
สายตามาก ผู้สูงอายุ ผู้ที่ทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรืออยู่กับแสงสว่างจ้าเป็นเวลานานๆ ผู้ที่ต้อง
ขับรถเวลากลางคืน ผู้ที่โดนแฟลชหรือดูทีวีเป็นเวลานาน




Vitamin A (วิตามินเอ)



Credit ภาพ โดย www.google.co.th


     วิตามินเอเป็นส่วนประกอบสำคัญของ Cornea มีหน้าที่ช่วยในการมองเห็น ช่วยให้สายตาสามารถปรับ
สภาพในที่มืดได้ดีโดยเฉพาะเวลาที่มีแสงน้อย Retinol หรือวิตามินเอจะรวมตัวกับโปรตีนชื่อ Opsin
(ออพซิน) เป็นสารประกอบ Rhodopsin (โรดอพซิน) ซึ่งมีคุณสมบัติดูดแสงและปรับสายตาให้มอง
เห็นชัดขึ้น สารประกอบนี้จะถูกสลายไปเมื่อถูกใช้ไปในระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นการได้รับวิตามินเอที่
เพียงพอจะช่วยสร้างสารโรดอพซินได้มากขึ้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง หากขาดวิตามินเอจะทำให้
มองเห็นได้ยากในที่มืด นอกจากนี้ยังทำให้เยื่อบุตาแห้ง กระจกตาเป็นแผล




Goji Berry (โกจิเบอร์รี่)



Credit ภาพ โดย www.google.co.th


     เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่มีสีแดง ลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ จากงานวิจัยพบว่า Goji Berry มีลูทีนและ
ซีแซนทีนสูงมาก จึงช่วยบำรุงสายตาและป้องกันความเสื่อมของตาได้เป็นอย่างดี




Bilberry (บิลเบอร์รี่) และ Raspberry (ราสพ์เบอร์รี่)



Credit ภาพ โดย www.google.co.th


     เป็นผลไม้ที่มีสารแอนโธไซยานินสูง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นในที่มืด ช่วยลดระยะเวลา
ในการปรับแสงจากสว่างไปสู่ที่มืดหรือที่มีแสงสลัวได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ
เอนไซม์หลายชนิดที่อยู่ภายในจอประสาทตา (Retina) ทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ช่วยป้องกันจอประสาท
ตาสำหรับผู้ที่ต้องเผชิญกับแสงสว่างจ้ามากๆ เช่น แสงแฟลช ซึ่งสามารถทำลายจอประสาทตาจนอาจ
ทำให้ตาบอดได้ สามารถป้องกันโรคต้อหิน ต้อกระจกได้ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ไปยัง
หลอดเลือดที่ดวงตา นอกจากนี้ยังช่วยคงระดับสารโรดอพซินในดวงตาที่อาจลดลงในช่วงที่มีการใช้
สายตาเป็นเวลานาน




Blueberry (บลูเบอร์รี่)



Credit ภาพ โดย www.google.co.th


     สารสกัดจากบลูเบอร์รี่สามารถรักษาเซลล์ม่านตาและสามารถป้องกันบรรเทาอาการปวดตา ส่งเสริม
การมองเห็น ป้องกันและปรับปรุงอาการตาแห้งและป้องกันโรคต้อหิน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้สายตา
มากๆ นักเรียน นักศึกษาและผู้ใช้คอมพิวเตอร์หรือผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคของสายตา




เมื่อเรารับรู้คุณค่าของสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อดวงตาของเราแล้ว หากเราอยากดูแลและถนอมดวง
ตาของเราให้มีประสิทธิภาพใช้งานได้ดีตลอดไป ควรรับประทานอาหารเสริมที่มีสารประกอบเหล่านี้
อย่างต่อเนื่อง จะช่วยป้องกันโรค CVS และโรคเสื่อมของตาอื่นๆ ทั้งยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ
ในการมองเห็นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย



 และทั้งหมดนี้ก็คือความรู้เรื่องความสำคัญของการใช้ดวงตาของ
เรา หวังว่าสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกๆ คนที่เข้ามาอ่าน 
และได้ความรู้กลับไป ครั้งต่อไปจะเป็นเรื่องสุขภาพอะไร 
Healthofproduct จะนำมาให้ความรู้อย่างแน่นอน




ขอขอบคุณข้อมูลบทความดีๆ จาก

นพ.สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์












     






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น