วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ภัยใกล้ตัวที่คนเราห้ามมองข้าม โรคหลอดเลือด

วันนี้ Healthofproduct ก็จะนำความรู้ที่คนเราไม่ควรมองข้าม
มาฝากกับทุกๆ คน ซึ่งเป็นเรื่องของ โรคหลอดเลือด ที่หลายๆ
คนคุ้นเคยกันดี แต่เราอาจจะมองข้ามหรือไม่สนใจมันเลย
แต่สิ่งที่ร้ายยิ่งกว่าก็คือมันเป็นตัวการสำคัญของโรคต่างๆ
ที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของคนเราเลยล่ะ




โรคหลอดเลือด

ภัยใกล้ตัวที่เราไม่ควรมองข้าม







"อโรคยา ปรมาลาภา" ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ 
พวกเราส่วนใหญ่คุ้นเคยกับคำกล่าวนี้เป็นอย่างดี แต่เพียงแค่
คุ้นเคยกับคำกล่าวนี้ เห็นจะไม่เพียงพอที่จะทำให้เราห่างไกล
จากโรคภัยไข้เจ็บได้ เพราะโรคต่างๆ พร้อมที่จะเล่นงานเรา
โดยที่เราไม่รู้ตัว เมื่อเรารู้ตัวอีกที เราก็เจ็บป่วยมีอาการแสดง
จนต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หลังแพทย์ตรวจวินิจฉัย
ตามขั้นตอนก็สรุปคำวินิจฉัยว่าเราป่วยเป็น โรคเบาหวาน
โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเส้นเลือด
ในสมองตีบ ต้องรักษาต่อเนื่อง และรับประทานยาตลอดชีวิต
พอทราบผลวินิจฉัยจากแพทย์ โดยส่วนใหญ่เกือบทรุดตัวลงไป
กองกับพื้น คิดตัดพ้อต่างๆ นาๆ ทำไมเราโชคร้าย ? ทำไมเรา
รู้ช้า ? ทำไมถึงไม่รู้ตัวมาก่อน ? เรียกว่ามารู้ว่าตัวเองป่วย
ก็สายเสียแล้ว ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับ
ตัวเราหรือบุคคลในครอบครัวของเรา เพราะเมื่อเกิดขึ้นแล้ว
ทำให้เกิดการเจ็บปวดเกิดการสูญเสียขึ้น





     ผมเห็นเหตุการณ์เหล่านี้มามากมายแล้ว ตลอดการเป็น
แพทย์มากว่า 20 ปี เห็นความเจ็บปวด เห็นความสูญเสียมามาก
จนเกิดความคิดว่า แม้แต่ผมซึ่งเป็นแพทย์ ยังไม่สามารถที่จะ
ช่วยเหลือผู้ป่วยให้หายจากโรคเรื้อรังเหล่านี้ได้ แล้วมีวิธีไหนละ
ที่สามารถลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้ จนในที่สุดก็ค้นพบว่า
โรคเรื้อรังต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคน
ในปัจจุบันเราสามารถป้องกันได้ แต่การที่เราจะป้องกันโรคได้ 
เราต้องรู้สาเหตุของการเกิดโรคแต่ละโรคก่อน เมื่อเรารู้สาเหตุ
ของการก่อโรค เราก็สามารถป้องกันโรคนั้นๆ ได้ เพราะฉะนั้น
เรามาเรียนรู้สาเหตุและวิธีป้องกันโรคที่คนไทยและประชากร
โลกเป็นมากที่สุดเป็นอันดับแรกก่อน นั่นก็คือโรคหลอดเลือด
ซึ่งหมายถึงทั้ง โรคความดันโ,หิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด
สมองตีบหรือแตกมาเริ่มกันเลยครับ







          โรคหลอดเลือดที่คนส่วนใหญ่เป็นนั้น หมายถึงโรคหลอด
เลือดแข็งได้มีการศึกษาสาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือด
แข็งเป็นจำนวนมากจนสรุปเป็น 2 สมมุติฐาน คือ

          1. สมมุติฐานคอเลสเตอรอล โดยมีแอลดีแอล
คอเลสเตอรอล (LDL CHOLESTEROL) ในเลือดสูง เกิด
ปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับอนุมูลอิสระ (FREE RADICAL) ทำให้
หลอดลเือดแข็ง

          2. สมมุติฐานผนังหลอดเลือดทำหน้าที่บกพร่อง หรือ
อักเสบเกิดการซ่อมแซมโดยเกร็ดเลือดเม็ดเลือดขาวใยไฟบริน
จนเกิดภาวะหลอดเลือดแข็ง




                เมื่อเราทราบสาเหตุจากสมมุติฐานดังกล่าวแล้ว
ผมคิดว่าการป้องกันไม่ให้เกิดโรคหลอดเลือดแข็งจำเป็น
อย่างยิ่งที่จะต้องผสมผสานกับโภชนาการ ดังนี้ คือ

1. ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล โดยหลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัว
จากเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อ นม ไข่ เนย กะทิ ของทอด รับประทาน
พืชผัก ผลไม้เพิ่มขึ้น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และควบคุม
น้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

2. เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อลดปริมาณอนุมูลอิสระไม่ให้เกิด
ปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับคอเลสเตอรอล โดยเพิ่ม Vitamin E
กลูตาไธโอน (Glutathione) ไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids)
SOD (Superoxide Dismutase) Coenzyme Q10

3. เสริมสร้างหลอดเลือดให้แข็งแรง โดยเพิ่มคอลลาเจน
(Collagen) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผนังหลอดเลือด
เพิ่ม L-arginine เพื่อเพิ่ม Nitric oxide ในผนังหลอดเลือดทำให้
หลอดเลือดขยายตัวเพิ่มกรดไขมันโอเมก้า 3 และ Vitamin C



เคล็ดลับง่ายๆ เท่านี้อยากให้คุณนำไปลองใช้กัน เพราะยิ่งทำ
ได้ผลดีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งห่างไกลโรคร้ายที่เกิดขึ้นกับหลอดเลือด
ได้ดีมากขึ้นเท่านั้น จำไว้นะครับว่า "อโรคยา ปรมาลาภา"
ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐและขอย้ำอีกครั้งก่อนจะพบ
กันอักกับบทความครั้งต่อๆ ไป



ตอนนี้เราก็ได้รู้จักกับบทความสุขภาพที่ดีของ โรคหลอดเลือด
และก่อนจะจากกันไปอยากให้ทุกคนได้รักษาสุขภาพเพราะช่วง
นี้มีโรคระบาดบ่อย หากคุณรักสุขภาพก็เริ่มดูแลตัวเองซะตอนนี้
เพื่อที่จะได้ไม่สายจนเกินไป จนมารู้ตัวอีกทีหลัง


ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลที่มีประโยชน์จาก 

Health By :  นพ.สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์



วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

จมูก อวัยวะสำคัญของร่างกายมนุษย์เรา

วันนี้ทาง Healthofproduct ก็มีบทความดีๆ เข้ามาฝากกันกับทุกๆ 
คน ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องของจมูก ซึ่งอาจเป็นเรื่องพื้นๆ ที่คนเรา
ทั่วไปรู้จัก แต่เรามาดูว่าสิ่งที่สำคัญของจมูกที่เราจะนำมา
แบ่งปันนี้ อยากให้ทุกคนที่รักสุขภาพได้ศึกษาเพิ่มเติมอีก
เพื่อประโยชน์ในสุขภาพของท่าน



คุณรู้หรือไม่ ?






จมูกเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อร่างกายเรา เป็นทางเดินหายใจ
ส่วนแรกสุดของร่างกายที่ช่วยในการปรับอุณหภูมิความชื้น และ
ทำหน้าที่ช่วยกรองอากาศที่เราหายใจเข้าไปและมีศูนย์รับกลิ่น
อยู่ที่เพดานจมูก ทำให้เราสามารถรับรู้กลิ่นต่างๆ ได้ นอกจากนี้
จมูกยังมีผลต่อเสียงที่เปล่งออกมาอีกด้วย เรามาเรียนรู้ส่วน
ประกอบต่างๆ ของจมูกซึ่งข้างในจมูกยังมีโพรงไซนัสด้วย
ดังนี้








ผนังกั้นช่องจมูก (Nasal Septum)


แบ่งโพรงจมูกออกเป็น 2 ข้าง ผนังกั้นช่องจมูกประกอบด้วยส่วน
ที่เป็นกระดูกอ่อน คือ Septal cartilage ซึ่งอยู่ด้านหน้า และส่วน
ที่เป็นกระดูกแข็งอยู่ด้านหลัง



ผนังด้านข้างของโพรงจมูก (Leteral Nasal Wall)


มีส่วนของกระดูกยื่นออกมา 3 ชิ้นเรียกว่า Turbinate เรียงตั้งแต่
ด้านบนลงมาล่าง คือ Superior, Middle และ Inferior Turbinate
โดยมี ช่อง หรือโพรงที่อยู่ใต้ Turbinate เรียกว่า Meatus ซึ่งมีชื่อ
เรียกตาม Turbinate แต่ละอันได้แก่ Superior(Sm), Middle(Mm)
และ Inferior Meatus(lm) ซึ่งจะมีรูเปิดของไซนัสออกมาที่
Meatus เหล่านี้ด้วย



ไซนัส (Sinus)


คือโพรงอากาศในกระดูกที่อยู่รอบๆ โพรงจมูก โดยปกติจะมี
4 คู่ โดยแต่ละคู่จะอยู่คนละข้างด้านซ้ายและขวาของจมูก
ได้แก่ Frontal Sinus อยู่บริเวณหน้าผาก ใกล้กับหัวคิ้ว
ทั้งสองข้าง Ethmoid Sinus อยู่บริเวณหัวตาทั้ง 2 ข้าง
Maxillary Sinus อยู่บริเวณโหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง และ 
Sphenoid Sinus อยู่บริเวณฐานสมอง ซึ่งขนาดและตำแหน่ง
ของไซนัสนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลคนและช่วงอายุ
ภายในโพรงไซนัสมีเยื่อบุโพรงไซนัส ซึ่งมีขนกวัด (Cilia)
คอยทำหน้าที่พัดโบกสารคัดหลั่งต่างๆ ให้ระบายออกไป
ทางรูเปิดระบายของโพรงไซนัสที่เชื่อมต่อกับโพรงจมูก




โรคที่พบบ่อยที่สุดของจมูก ก็คือ โรคแพ้อากาศ ซึ่งมีผู้ป่วย
เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเราที่เปลี่ยน
แปลงไปเมื่อเทียบกับในอดีต มีโรงงานอุตสหกรรมเพิ่มมากขึ้น
มีการใช้สารเคมีเพิ่มมากขึ้น มีการใช้รถยนต์ในการขนส่งมากขึ้น 
ทำให้เพิ่มมลภาวะในอากาศซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คนป่วยเป็น
โรคภูมิแพ้มากขึ้น ทั้งจากการแพ้โดยตรงหรือร่างกายของเรา
อ่อนแอลงจากสารพิษต่างๆ ทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายเรา
อ่อนแอลง ตลอดจนอาหารชนิดต่างๆ ที่เรารับประทานใน
ชีวิตประจำวัน ก็แตกต่างจากคนรุ่นคุณปู่คุณย่าของเรา ที่จะ
รับประทานอาหารพวกน้ำพริก ผักลวก แกงชนิดต่างๆ รวมถึง
ผลไม้ในแต่ละวัน แต่ในปัจจุบันนี้เรารับประทานเนื้อสัตว์กัน
มากขึ้น มีอาหารพวกปิ้งๆ ย่างๆ รมควัน อาหารทอด อาหาร
จานด่วนชนิดใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งมีสารปนเปื้อนในอาหาร
และสารอนุมูลอิสระชนิดต่างๆ จำนวนมากในอาหารเหล่านี้
เมื่อเรารับประทานเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้
เซลล์ในร่างกายของเราทำงานด้อยประสิทธิภาพ จนในที่สุด
เกิดโรคต่างๆ ตามมามากมาย ระบบภูมิต้านทานของร่างกายเรา
ก็เช่นกัน เมื่ออ่อนแอลงจากสารพิษในอาหารที่รารับประทาน
เข้าไปอย่างต่อเนื่อง ก็ส่งผลให้ภูมิต้านทานของเราอ่อนแอลง
จนส่งผลให้เราป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ในอวัยวะต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
และโรคภูมิแพ้ที่พบได้บ่อยที่สุดนั่นก็คือโรคแพ้อากาศนั่นเอง


ดังนั้น การป้องกันโรคแพ้อากาศที่ดีที่สุด คือ การเลือก
รับประทานอาหาร พวก ผัก ผลไม้ เพิ่มมากขึ้น และ บริโภค
เนื้อสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ เช่น นม เนย ต่างๆ 
ให้น้อยลง เพื่อให้ภูมิต้านทางของเราแข็งแรงได้ตลอดไป
ตลอดจนการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็ช่วยทำให้
ภูมิต้านทานแข็งแรงขึ้นได้ หรือการรับประทานวิตามิน
บางชนิด เช่น วิตามินซี ก็ช่วยเสริมภูมิต้านทานได้เป็นอย่างดี



และด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันนี้ นักวิจัย
ได้ค้นคว้าสารสำคัญ จากพืช และผลไม้ ชนิดต่างๆ ที่จะช่วย
เสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกายเรา จนมีพืชและสารสกัดจาก
พืชหลากหลายชนิด ที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
ของเราได้เป็นอย่างดี ในที่นี้จึงรวบรวมให้อ่านเพื่อประโยชน์
ในการป้องกันโรคที่เกี่ยวกับภูมิต้านทานดังต่อไปนี้




เบต้ากลูแคน




มี Polysaccharides จำนวนมากสามารถช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้าน
ทานของร่างกายเราได้ โดยเฉพาะในเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้
เม็ดเลือดขาวแข็งแรงขึ้นในการจัดการกับเชื้อโรคและสิ่งแปลก
ปลอมที่เข้าสู่ร่างกายของเราจึงสามารถช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้
และโรคติดเชื้อชนิดต่างๆ ได้




สารสกัดจากเปลือกสน





มีสาร Proanthocyanidins ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิท
ภาพสูง ป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้ โดยยับยั้งการสร้างสาร
ฮิสตามีน ทำให้แพ้อากาศน้อยลง




สารสกัดจากเห็ดหลินจือ







ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้ภูมิต้านทาน
แข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกำจัด
อนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุทำให้ภูมิต้านทานอ่อนแอลง




ว่านหางจระเข้







มีสารอโลคูติน และสารอะลอคติน เอ ที่ช่วยกระตุ้นการทำงาน
ของเซลล์ เม็ดเลือดขาวทำให้ระบบภูมิต้านทานของร่างกาย
เราแข็งแรงขึ้น




สารสกัดจากถั่งเช่า 







ช่วยเสริมภูมิต้านทานและช่วยลดอาการอักเสบภายในร่างกาย
ของเรา ทำให้ภูมิต้านทานแข็งแรงขึ้นและช่วยลดการอักเสบ
ของจมูกจากภูมิแพ้ได้




Ascobic Acid







วิตามินซี เป็นวิตามินที่ช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกายเรา
ให้แข็งแรงขึ้นได้ ดังนั้นจึงช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อ
เช่น โรคหวัดได้เป็นอย่างดี




สารสกัดจากเมล็ดองุ่น







เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงกว่าวิตามินซี 20 เท่าและ
แรงกว่าวิตามินอี 50 เท่า จึงช่วยเสริมภูมิต้านทานได้เป็นอย่างดี




สารสกัดจากเบอร์รี่ชนิดต่างๆ 







เบอร์รี่ชนิดต่างๆ เช่น โกจิเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ บิลเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่
ฯลฯ ผลไม้ในกลุ่มนี้ มีปริมาณวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ
ที่มีความเข้มข้นสูงมาก ดังนั้นจึงช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานให้กับ
ร่างกายของเราได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้สามารถป้องกัน
โรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อที่มีโอกาศเกิดขึ้นกับเรา





และแล้วสุดท้ายนี้เราก็ได้ทราบข้อมูลดีๆ ที่เป็นประโยชน์
อย่างมากหากใครอยากหายจากอาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
กับจมูก แนะนำให้ทำตามขั้นตอนที่บทความนี้ได้บอกไว้




ขอขอบคุณข้อมูลที่ให้ประโยชน์มากๆ โดย

Health By : นพ.สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์














วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

โรคแพ้อากาศ โรคตัวอันตรายต่อสุขภาพที่หลายๆ คนเป็นกัน

โรคแพ้อากาศ โรคยอดฮิตนี้ที่ใครทุกคนก็เป็นกันหลายๆ คนอาจ
จะเคยศึกษาหรืออ่านบทความของเรื่องโรคนี้มาหลายๆ ที่
แต่วันนี้ Healthofproduct ก็ได้นำข้อมูลดีๆ ที่เป็นประโยชน์มา
ฝากกับคนที่รักสุขภาพทุกๆ คน ราไปเรียนรู้เพิ่มเกี่ยวกับ
โรคแพ้อากาศที่ว่านี้กันเลย 






โรคแพ้อากาศ


โรคที่พบบ่อยมากที่สุดโรคหนึ่งที่เป็นโรค Top Hit ที่คนมักจะ
พูดกันว่า "ใครๆ เขาก็เป็นกัน" นั่นก็คือ "โรคแพ้อากาศ" ผมเอง
ก็เคยเป็นโรคนี้สมัยเป็นนักเรียนแพทย์ปีที่ 2-3 ที่คณะแพทย์
ศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นรุนแรงถึงขนาดจามและน้ำมูกไหล
ตลอดทั้งวัน ต้องใช้กระดาษทิชชู่ เช็ดน้ำมูกเป็นม้วนๆ ต่อวัน
ทำให้ขาดสมาธิในการเรียน พอหนักเข้าก็โดดเรียนไปเลย
แต่โชคดีที่อยู่โรงเรียนแพทย์ จึงมีนักศึกษาแพทย์รุ่นพี่พบ
อาจารย์ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา (หู คอ จมูก) ซึ่งมี
ความเชี่ยวชาญในเรื่องโรคแพ้อากาศโดยตรง ท่านทำผลงาน
วิจัยและเขียนตำราจนเป็นศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด
ของประเทศไทยในขณะนั้น ผมได้รับการทดสอบภูมิแพ้ทาง
ผิวหนัง และถูกฉีดวัคซีนนานหลายปี จากฉีดทุกสัปดาห์ใน
ช่วงแรกแล้วค่อยๆ ห่างขึ้นจนภายหลังฉีดห่างเป็น 1-2 เดือน
ต่อครั้ง อาการต่างๆ ที่เคยเป็นก็ค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ
จนกระทั่งในที่สุดก็หายเป็นปกติ ด้วยความผูกพันที่มีต่อภาค
วิชานี้ เมื่อจบออกไปเป็นแพทย์ ทำงานอยู่ในโรงพยาบาล
ชุมชน 3 ปี ก็กลับข้ามาเรียนต่อที่ภาควิชานี้อีก 3 ปี จนได้รับ
วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขา หู คอ จมูก



หลังจากที่จบเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เข้าไปทำงานที่
โรงพยาบาลบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรีพร้อมๆ กับเปิดคลินิก
รักษาโรค หู คอ จมูกและภูมิแพ้ด้วย ในการตรวจรักษาผู้ป่วย
ทั้งที่โรงพยาบาลและที่คลินิก โรคที่พบบ่อยที่สุดอย่างไม่ต้อง
สงสัย ก็คือ "โรคแพ้อากาศ" บางครั้งซักประวัติผู้ป่วย 1-2 
ประโยคก็แทบจะวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องตรวจแล้วว่าเป็นโรคแพ้
อากาศพอตรวจจมูกเพิ่มเติม ก็ยืนยันชัดเจนว่าเป็นโรคนี้
ผมได้รักษาผู้ป่วยโรคแพ้อากาศไปเป็นจำนวนมากตลอดระยะ
เวลา 18 ปีที่ผ่านมา ให้การรักษาด้วยการรับประทานยา 
ใช้ยาพ่นจมูก ตลอดจนฉีดวัคซีนกระตุ้น ทั้งที่โรงพยาบาล
และที่คลินิก ด้วยความที่เป็นโรคที่พบได้บ่อย จึงอยากให้ทุกๆ 
ท่านมีความรู้เกี่ยวกับ "โรคแพ้อากาศ" เพิ่มมากขึ้น 

"โรคแพ้อากาศ" ชื่อที่ถูกต้องของโรคนี้คือ 
"โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้" เป็นโรคที่พบได้ทุกเพศ ทุกวัย
และทุกเชื้อชาติทั่วโลก อุบัติการณ์ของโรคนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
เรื่อยๆ ปัจจุบันพบว่าโดยเฉลี่ยผู้ใหญ่เป็นร้อยละ 20 และเด็กเป็น
ร้อยละ ประมาณ 40 ผู้ป่วยส่วนมากจะมีอาการเกิดขึ้นขณะที่
อากาศเปลี่ยนแปลงหรือมีอาการชัดเจนเฉพาะบางฤดู 
จึงทำให้ได้ชื่อว่าโรคแพ้อากาศ




อาการที่พบบ่อย ได้แก่

1. คันจมูก บางรายอาจคันตา คันเพดาน คันในคอ 
2. จามติดๆ กันหลายๆ ครั้ง
3. มีน้ำมูกใสๆ ไหลมาก
4. คัดแน่นจมูก มักเป็นสลับข้างกัน
5. อาการอื่นๆ เช่น หูอื้อ ปวดมึนศีรษะ จมูกไม่ได้กลิ่น น้ำมูกไหล
    ลงคอ หรือมีเสมหะติดในคอ หรือมีอาการอ่อนเพลีย




สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ


1. เหตุนำ เกิดจากความผิดปกติของระบบสร้างภูมิคุ้มกัน
    ของร่างกาย ซึ่งเชื่อว่าเป็นกรรมพันธุ์ ดังนั้นผู้ที่เกิดมา
    ในครอบครัวที่มีโรคภูมิแพ้อยู่ด้วยไม่ว่าจะเป็นโรคหอบหืด
    โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ผื่นผิวหนังหรือลมพิษมีโอกาศที่จะ
    เป็นโรคในกลุ่มนี้มากกว่าคนอื่น 

2. เหตุโดยตรง คือสารก่อภูมิแพ้ที่มีอยู่รอบๆ ตัวเรา และมีอยู่
    ในอากาศที่เราหายใจเข้าไป สารก่อภูมิแพ้ที่ได้พบบ่อย คือ
    ฝุ่นในบ้าน ตัวไรในฝุ่น นุ่น ขนและรังแคของสัตว์เลี้ยง 
    เชื้อราในอากาศ ละอองเกสรของหญ้า และวัชพืชต่างๆ 
    สิ่งขับถ่ายของแมลงที่อยู่ในบ้าน เช่น แมลงสาบ ยุง และมด
    ผู้ป่วบางรายอาจแพ้สารบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับงานอาชีพ
    เช่น ปุ๋ย อาหารสัตว์ 

3. เหตุเสริม ได้แก่สาเหตุอื่นๆ ที่ไม่ใช่สารก่อภูมิแพ้ ได้แก่

    3.1 สารที่ระคายเคืองต่อเยื่อบุจมูกโดยตรง เช่น ควันไฟ ควัน
          ท่อไอเสีนยรถยนต์ ควันบุหรี่ กลิ่นฉุนๆ กลิ่นน้ำหอม 
          สเปรย์ และฝุ่นละอองต่างๆ 

    3.2 การเปลี่ยนแปลงของอากาศเช่น อากาศร้อนจัด เย็นจัด
          ฝนตก พัดลมเป่า แอร์เป่า เป็นต้น 

    3.3 ร่างกายอ่อนเพลีย เนื่องจากอดนอน ทำงานหนัก ขาดการ
          ออกกำลังกาย ฯลฯ

    3.4 อารมณ์ตึงเครียด วิตกกังวล ไม่สบายใจ

    3.5 โรคติดเชื้อ เช่น ต่อมทอนซิลอักเสบ เจ็บคอ ฟันผุหรือ
          ไข้หวัด จะทำให้สุขภาพอ่อนแอลง เป็นเหตุให้ผู้ป่วย
          โรคภูมิแพ้มีอาการมากขึ้นได้



โรคแทรกซ้อน 


โรคแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยคือ โรคไซนัสอักเสบ หูชั้นกลาง
อักเสบ คออักเสบ ริดสีดวงจมูกและโรคหอบหืด ดังนั้นเมื่อทราบ
ว่าป่วยเป็นโรคภูมิแพ้จึงควรรีบรักษาเพื่อควบคุมไม่ให้มีอาการ
เกิดขึ้น จึงจะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนเหล่านี้
ตามมาได้ ทั้งหมดนี้คือเรื่องราว "โรคแพ้อากาศ" ฉบับย่อที่
ปารถนาให้ผู้อ่านมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโรคนี้ เมื่อเจอะเจอ
ใครที่มีอาการทางจมูกหลายอาการ ให้สงสัยว่ามีโอกาศที่จะเป็น 
โรคแพ้อากาศได้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆ ท่านจะมีสุขภาพที่
แข็งแรง ไม่เป็น "โรคแพ้อากาศ" ในช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว








แนวทางการรักษา


1. ไปพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคจมูกอักเสบ
    จากภูมิแพ้จริงหรือไม่ บางรายต้องทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง 
    หลังทดสอบประมาณ 20 นาทีจะทราบว่าแพ้อะไรบ้างและแพ้
    มากน้อยเพียงใด

    เมื่อวินิจฉัยแน่ชัดแล้ว แพทย์มักจะให้การรักษาด้วยการ
    รับประทานยา ใช้ยาพ่นจมูกหรือพิารณาฉีดวัคซีนกระตุ้น
    ภูมิต้านทานในบางรายที่มีอาการมาก

2. พยายามกำจัดและหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ ผู้ป่วยที่สามรถกำจัด 
    หรือลดปริมาณของสารก่อภูมิแพ้ที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบๆ
    ตัวให้เหลือน้อยที่สุด อาการอาจจะดีขึ้นโดยไม่ต้องรักษา
    เลยก็ได้ ดังนั้นจึงต้องเน้นให้ทำก่อนเป็นอันดับแรก

3. พยายามหลีกเลี่ยงสารระคายเคืองต่างๆ ที่ทำให้เกิดอาการ
    เนื่องจากเยื่อบุจมูกของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะมีความว่องไวต่อ
    สารระคายเคืองเหล่านี้มากกว่าคนปกติทั่วไป

4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานทำให้โรค
    ภูมิแพ้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

5. พักผ่อนให้เพียงพอและไม่เครียด





และแล้วก็จบบทความนี้ซึ่งข้อมูลของโรคภูมิแพ้อากาศนี้
มีข้อมูลที่เยอะ ซึ่งบทความนี้ได้ทำแบบย่อมา แต่ก็ทำให้เรา
เข้าใจและศึกษาพื้นฐานของการเกิดโรค รวมไปถึงการป้องกัน
ก่อนท่โรคภัยจะมาเกิดกับตัวเรา




ขอขอบคุณบทความที่มีประโยชน์ต่อทุกๆ คน

Health By : นพ.สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์



















แบรนด์สุขภาพด้านของใช้ส่วนตัว บอร์ดี้เชียร์ (BODYCHEER)

สิ่งที่จะต้องขอพูดถึงกับ แบรนด์สินค้าสุขภาพของใช้ส่วนตัว


แบรนด์ บอร์ดี้เชียร์ (BODYCHEER)






กระผมต้องขอบอกและยอมรับกับสินค้า BRAND  BODYCHEER 
เลยว่า แบรนด์นี้ได้ผลิตตัวสินค้าที่ช่วยตอบโจทย์ต่อเรื่องต่างๆ 
ของการที่ได้สัมผัสใช้อย่างดีและดีที่สุด อีกทั้งยังเป็นสินค้า
ที่ออกแบบมาไม่ได้แค่หวังผลกำไรต่อผู้บริโภคทุกคน แต่ยังจะ
เน้นที่เรื่องปัจจัยของสุขภาพและการได้สัมผัสผลลัพธ์จาก
ตัวผลิตภัณฑ์ที่ดีจริงของผู้บริโภคทั้งหลาย และล่าสุดที่ผ่านมา
ของผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ของแบรนด์ บอร์ดี้เชียร์นี้ คือ 
S Vera Gel ที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้ใช้หลายๆ คน และยังมี
สินค้ามากมายของแบรนด์นี้ จะผลิตออกมาเพื่อตอบโจทย์
แก่ผู้บริโภคอีกมากมายอย่างแน่นอนจนมีให้เลือกสรร
ไม่มีหมด


ทั้งหมดนี้ แบรนด์สุขภาพด้านของใช้ส่วนตัว 
บอร์ดี้เชียร์ (BODYCHEER) ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสุขภาพ
ที่ดีของทุกคนโดยเฉพาะเมื่อปี พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา
โดยที่แบรนด์สินค้านี้อยู่ภายใต้แบรนด์ของบริษัทที่มีชื่อว่า
บริษัท ซัคเซสมอร์บีอิ้งค์ จำกัด

และในทุกๆ วันนี้สินค้าของแบรนด์ บอร์ดี้เชียร์ ก็กระจายและ
จำหน่ายออกไปถึงแก่ผู้บริโภคมากมาย และยังได้รับผลการ
ตอบรับที่ดีอย่างมากมาย จนเป็นที่ของการบอกต่อของ
ผู้บริโภคที่ได้สัมผัสกับตัวเองอย่างแท้จริง และก็ได้ผลลัพธ์
ที่ดีจากตัวสินค้าทุกๆ ตัวที่ผลิตออกภายใต้แบรนด์ BODYCHEER

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สุขภาพที่ดีต้องมาจากภายใน การล้างสารพิษ หรือเรียกว่า Detox

ก่อนที่จะขอเกริ่นบทความของเรื่อง การล้างสารพิษ ต้องขอบอก
ก่อนเลยว่าทาง Healthofproduct ได้จัดสรรบทความดีๆ มาเสนอ
อย่างตรงไปตรงมาและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านอย่างแน่นอน



การล้างสารพิษ (Detoxification)


เรื่องล้างสารพิษ (Detoxification) กำลังเป็นเรื่องที่นิยมอย่างมากในปัจจุบันในขณะที่
เมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ขณะที่ผมเป็นนักเรียนแพทย์และเป็นแพทย์จบใหม่ๆ ไม่มีใครพูดถึงหรือ
สนใจเรื่องนี้กันเลยแต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับได้รับความสนใจและได้รับความนิยมในการล้างพิษ
เพิ่มมากขึ้น จนปัจจุบันนี้ถ้าใครไม่ล้างพิษเหมือนเป็นคนตกยุคและล้าสมัยกันเลยทีเดียว
เรามาเรียนรู้ในเรื่องการล้างพิษกันเลยดีกว่าครับ จะได้เป็นคนอินเทร์นกับเขาบ้าง





การล้างพิษ หมายถึง การลดสารพิษออกจากร่างกาย

สารพิษ หมายถึง โมเลกุลหรือสารที่บั่นทอนสุขภาพ เช่น สารอนุมูลอิสระ สารเคมีจาก
                           สิ่งแวดล้อมสารกันบูด สารแต่งสี สารฮิสตามีนที่ก่ออาการแพ้และสาร
                        ก่อมะเร็ง เป็นต้น

การล้างสารพิษสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การกินเพื่อล้างพิษ การสวนลำไส้เพื่อล้างพิษ
การล้างพิษในเลือด









ทำไมถึงต้องล้างพิษ ? 


     อันดับแรกเราต้องรู้ก่อนว่าในปัจจุบันนี้ เราบริโภคเนื้อสัตว์เป็นปริมาณมาก และมีวิธีการปรุง
ในรูปแบบต่างๆ เช่น ปิ้ง ย่าง รมควัน ทอด อันเป็นสาเหตุให้เกิดสารพิษและอนุมูลอิสระได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้เมื่อเรารับประทานอาหารเข้าสู่ร่างกายของเราแล้ว อาหารเหล่านี้จะถูกย่อยในระบบ
การย่อยอาหารของเราซึ่งก็มีโอกาสเกิดสารพิษสูงกว่าอาหารประเภท พืช ผัก ผลไม้อีก
จึงมีเหตุผลเพียงพอที่เราจะต้องขจัดสารพิษต่างๆ ที่มีอยู่มากในระบบทางเดินอาหารของเรา
ให้ออกจากร่างกายของเราให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะทางเดินอาหาร ส่วนลำไส้ใหญ่ซึ่งมีปริมาณ
สารพิษสูงที่สุดและเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันนี้
และพบในผู้ป่วยที่มีอายุน้อยลงเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
มักจะเป็นผู้สูงอายุ อายุ 60-70 ปีขึ้นไป ถ้าอายุน้อยๆ ไม่ต้องคิดถึงโรคนี้เลย แต่ในปัจจุบันนี้
พบผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ในผู้ป่วยอายุ 20-40 ปี เพิ่มมากขึ้นมาก ดังนั้นเราจึงต้องมีความรู้
ในการดูแลลำไส้ใหญ่ของเราซึ่งถูกเราใช้งานอยู่ตลอดเวลา






ความรู้เรื่องลำไส้


     หน้าที่หลักของลำไส้ใหญ่ของคนเรา คือ การขับถ่ายกากอาหารออกไปหลังอาหารถูกย่อย
และสารอาหารถูกดูดซึมผ่านลำไส้มาแล้ว ในระหว่างที่กากอาหารผ่านลำไส้ใหญ่นั้น ก็จะมีการ
ดูดซึมน้ำกลับเข้าสู่ร่างกาย เพื่อให้อุจจาระเป็นก้อน ในขณะเดียวกันเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่
ก็จะกินกากอาหารเกิดการบูดเน่า และกลายเป็นสารเสียเก็บกักอยู่ในลำไส้ใหญ่ ดังนั้นยิ่งอุจจาระ
คั่งค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่นานเท่าไดก็จะมีโอกาสดูดซึมสารพิษกลับเข้าสู่ร่างกายมากขึ้นเท่านั้น 
และสารพิษเหล่านี้ เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคเสื่อมของร่างกาย เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหลอดเลือดแข็ง
ทำให้ให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเส้นโลหิตในสมองแตกหรือตีบ เป็นอัมพฤต 
อัมพาต โรคมะเร็งในอวัยวะต่างๆ รวมถึงมะเร็งลำไส้ใหญ่เองที่พบมากขึ้นๆ ในผู้ที่มีอายุน้อยลง
เมื่อเทียบกับอดีต 



     ดังนั้นการช่วยให้กากอาหารขับถ่ายไปจากลำไส้ใหญ่ให้เร็วขึ้น ก็ไม่เปิดโอกาสให้สารพิษเก็บ
กักและดูดซึมไปก่อโรคภัยต่อร่างกายเราได้ดังตัวอย่าง เช่น วัยรุ่น ที่ท้องผูกจะเป็นสิวอักเสบ
มากกว่าปกติคนท้องผูกจะเป็นแผลร้อนในในช่องปากได้ง่าย มีผื่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ได้ง่าย 
รวมถึงผิวหน้าเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ เพิ่มมากขึ้นกว่าคนขับถ่ายปกติ



     ดังนั้นการกินเพื่อล้างสารพิษจึงเป็นการเพิ่มกากเส้นใยอาหารจาก พืช ผัก ผลไม้ เพื่อช่วย
ในการขับถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเราให้เร็วขึ้นและสามารถช่วยในการล้างพิษลำไส้
ด้วย 2 ปัจจัย คือ


     1. เส้นใยช่วยอุ้มน้ำ จึงทำหน้าที่เป็นมวลของอุจจาระ ทำให้ขับถ่ายได้ดีไม่เกิดอาการท้องผูก 
          สารพิษจึงไม่หมักหมมแล้วดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย


     2. เส้นใยทำหน้าที่กีดกันไม่ให้สารพิษ มีโอกาสสัมผัสกับผิวลำไส้รวมถึงการสามารถช่วยซับ
         ไขมันไม่ให้ถูกดูดซึม และถูกขับถ่ายออกไปรวดเร็วขึ้น มีผลทำให้สารพิษในร่างกายเรา
        น้อยลงและช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ดีขึ้น











คุณรู้หรือไม่ ?


          เมื่อเรื่องล้างพิษ (Detoxification) เป็นเรื่องอินเทรนด์อย่างมากในปัจจุบันนี้ จึงมี
อาหารเสริมประเภทล้างลำไส้ออกมามากมายให้ผู้บริโภคเลือกรับประทาน ดังนั้นจึงต้องมีความรู้
ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ล้างลำไส้ เพื่อให้ได้คุณประโยชน์จากการรับประทานสูงสุดโดยที่
นอกจากวัตถุประสงค์ในการล้างลำไส้แล้ว ผลิตภัณฑ์ล้างลำไส้ที่ดีควรต้องมี พืช ผัก ผลไม้ 
ที่ช่วยเสริมวิตามิน เกลือแร่ สารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านพิษอีกด้วย





และแล้วก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการล้างสารพิษหรือการ
ดีท็อกซ์ (Detox) ว่าให้คุณประโยชน์และให้โทษอะไร
กับเราบ้าง ทุกครั้งที่เราจะทำอะไรหรือไม่ว่า จะเป็นการกิน
ก็ควรระมัดระวัง เพื่อสุขภาพของเรา 

และก่อนที่จะจากไปกับบทความ การล้างสารพิษ
ก็จะมีวิดิโอดีๆ มาฝากกันเพื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกๆ คนที่ได้
เข้ามาอ่านบทความที่นี่








ทั้งนี้ก็ขอขอบคุณวิดิโอจากต้นฉบับ โดย HydroHealth


และต้องขอขอบคุณบทความที่เป็นประโยชน์อย่างมาก

Health By : นพ.สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์